อินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ต (Internet, Intranet and Extranet)
ในปัจจุบันนี้คอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนเรามากขึ้น และที่จะกล่าวถึงนี้คือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ในยุคแรกของคอมพิวเตอร์นั้นจุดประสงค์ก็คือเพื่อ ใช้ในการทำงานด้านการคำนวณตัวเลข ซึ่งมีข้อดีกว่ามนุษย์เราคือ สามารถคำนวณได้เร็วกว่าโดยที่จะเกิดข้อผิดพลาดนั้นมีน้อยกว่ามนุษย์ ซึ่งในยุคของไอทีนี้คอมพิวเตอร์นั้นได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว และคอมพิวเตอร์นั้นมีด้วยกัน 4 ประเภทคือ ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ไมโครคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์ การทำงานซึ่งประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันภายในกลุ่มนั้นเราเรียกว่า เครือข่าย (Network)
ปัจจุบันนี้ระบบเน็ตเวิร์กหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์และองค์กรและสถาบันการศึกษาไปแล้ว การใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ทั้งไฟล์ เครื่องพิมพ์ การส่ง E-mailภายในองค์กรหรือ ระบบอินทราเน็ต การเชื่อมต่อระยะไกลด้วยระบบ Remote Access การประชุมผ่านวีดีโอ (VideoConference)สิ่งเหล่านี่ต้องใช้ระบบเน็ทเวิร์กเป็นพื้นฐานในการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันทั้งสิ้น ระบบเน็ตเวิร์กจะหมายถึงการนำคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อกัน เพื่อที่จะทำการแชร์ข้อมูล และทรัพยากรร่วมกัน ซึ่งเราสามารถให้ความหมายของระบบเครือข่ายหรือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ดังนี้
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือระบบที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเครื่องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อกลาง และสามารถสื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและกันได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทรัพยากร (Resource) ที่มีอยู่ในเครือข่ายร่วมกันได้ เช่น เครื่องปริ้น ซีดีรอม สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น การใช้ทรัพยากรเหล่านี้ร่วมกันทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายมาก เมื่อมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกล เช่น ระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้กับคนทั่วโลก โดยใช้แอพพลิเคชั่น เช่น เว็บ อีเมล FTP เป็นต้น
ระบบเครือข่ายมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทคือ
นอกจากนี้เรายังสามารถแบ่งประเภทของระบบ LAN ได้อีก 2 แบบด้วยกันคือ
1. Peer to Peer ระบบเครือข่ายแบบ Peer to Peer เป็นระบบเครือข่ายขนาดเล็ก เหมาะสำหรับหน่วยงาน ที่มีคอมพิวเตอร์น้อยกว่า 10 เครื่อง ระบบ Peer to Peer นี้ คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง สามารถเข้าไปใช้ไฟล์ที่เก็บบนเครื่องไหนก็ได้ ซอรฟ์แวร์ที่ใช้คือ Windows for Workgroups, Windows 95,98,2000 การติดตั้งเพียงแต่เพิ่มอุปกรณ์ที่เรียกว่า Lan Card ในแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีต่อสายแลน เข้าไปสู่ อุปกรณ์ที่เป็นตัวกลาง ซึ่งเรียกว่า HUB ข้อดีของการต่อแบบ Peer to Peer ท ประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับการต่อ Network แบบอื่น ๆ ท สามารถแชร์ข้อมูล เครื่องพิมพ์ ของแต่ละเครื่องได้ ท ง่ายในการติดตั้ง และสามารถขยายต่อไปในอนาคตได้ดี
2. Client / Server ระบบเครือข่ายแบบ Client / Server มีคอมพิวเตอร์หลักเรียกว่า File Server (ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมในการเก็บข้อมูล ทำให้สะดวกในการบริหารข้อมูล) File Server นี้จะต้องเปิดทิ้งไว้ ห้ามปิดในระหว่างการใช้งาน ส่วนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทั่ว ๆ ไปเราเรียกว่า Work Station สำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นในการติดต่อระบบเครือข่าย คือ สายเคเบิล และการ์ดเครือข่าย (LAN Card) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการไหล ของข้อมูล นอกจากนี้ยังต้องมี HUB ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการกระจายสัญญาณไปตาม Work Station ต่าง ๆ ซอร์ฟแวร์ที่เป็นที่นิยมในระบบเครือข่ายคือ Netware, Windows NT, Unix เป็นต้น ข้อดีของการต่อแบบ Client / Server ท สามารถแชร์ข้อมูล เครื่องพิมพ์ ของแต่ละเครื่องได้ ท มีระบบ Security ที่ดีมาก ท รับส่งข่าวสารในลักษณะของ Email ได้ดี ท สามารถจัดสรร แบ่งปันการใช้ทรัพยากรได้จากจุดศูนย์กลาง
ประโยชน์ของระบบเครือข่าย
ปัจจุบันนี้ระบบเน็ตเวิร์กหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์และองค์กรและสถาบันการศึกษาไปแล้ว การใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ทั้งไฟล์ เครื่องพิมพ์ การส่ง E-mailภายในองค์กรหรือ ระบบอินทราเน็ต การเชื่อมต่อระยะไกลด้วยระบบ Remote Access การประชุมผ่านวีดีโอ (VideoConference)สิ่งเหล่านี่ต้องใช้ระบบเน็ทเวิร์กเป็นพื้นฐานในการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันทั้งสิ้น ระบบเน็ตเวิร์กจะหมายถึงการนำคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อกัน เพื่อที่จะทำการแชร์ข้อมูล และทรัพยากรร่วมกัน ซึ่งเราสามารถให้ความหมายของระบบเครือข่ายหรือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ดังนี้
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือระบบที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเครื่องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อกลาง และสามารถสื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและกันได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทรัพยากร (Resource) ที่มีอยู่ในเครือข่ายร่วมกันได้ เช่น เครื่องปริ้น ซีดีรอม สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น การใช้ทรัพยากรเหล่านี้ร่วมกันทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายมาก เมื่อมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกล เช่น ระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้กับคนทั่วโลก โดยใช้แอพพลิเคชั่น เช่น เว็บ อีเมล FTP เป็นต้น
ระบบเครือข่ายมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทคือ
- เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network)
LAN (Local Area Network) เป็นรากฐานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วไป กล่าวคือ เกือบ ๆ ทุกเครือข่ายต้องมี LAN เป็นองค์ประกอบ เครือข่ายแบบ LAN อาจเป็นได้ตั้งแต่เครือข่ายแบบง่าย ๆ เช่น มีคอมพิวเตอร์สองเครื่องเชื่อมต่อกันด้วยสายสัญญาณไปจนถึงเครือข่ายที่ซับซ้อน เช่น มีคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องและมีอุปกรณ์เครือข่ายอื่น ๆ อีกมาก แต่ลักษณะสำคัญของ LAN คือ เครือข่ายจะครอบคลุมพื้นที่จำกัด โดยรูปที่แสดงไว้นั้นจะประกอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์สี่เครื่อง และมีเครื่องพิมพ์ที่แชร์กันได้ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ในการจัดการเครือข่าย ซึ่งเครือข่ายจะรวมกันอยู่ในห้องปฏิบัติการ - เครือข่ายบริเวณเมืองใหญ่ (Metropolitan Area Network)
MAN (Metropolitan Area Network)ซึ่งเป็นเครือข่ายแบบ WAN ที่มีระยะห่างไม่มากนัก เช่น เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงภายในเขตเมือง หรือย่านใจกลางธุรกิจ (Centralised Business District – CBD) เป็นต้น การเชื่อมโยงแบบ MAN ปกติแล้วจะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างตึกต่างๆ ด้วยการเชื่อมโยงความเร็วสูงผ่านสายใยแก้วนำแสง และเป็นระบบเครือข่ายสาธารณะที่สามารถทำการเช่าใช้งานจากผู้ให้บริการได้ทันที - เครือข่ายบริเวณกว้าง (Wide Area Network)WAN (Wide Area Network) ตรงข้ามกับ LAN เครือข่ายบริเวณกว้างหรือ WAN (อ่านว่า แวน) เป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง หรืออาจจะครอบคลุมทั่วโลกก็ได้ ตัวอย่างเช่น เครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เรารู้จักกันดี WAN จะใช้สำหรับการเชื่อมต่อระหว่าง LAN ที่อยู่ห่างไกลกันเช่น การเชื่อมต่อเครือข่ายของสำนักย่อยที่อยู่ห่างไกลกัน เป็นต้น ดังรูปที่แสดงลักษณะของเครือข่ายแบบ WAN
นอกจากนี้เรายังสามารถแบ่งประเภทของระบบ LAN ได้อีก 2 แบบด้วยกันคือ
1. Peer to Peer ระบบเครือข่ายแบบ Peer to Peer เป็นระบบเครือข่ายขนาดเล็ก เหมาะสำหรับหน่วยงาน ที่มีคอมพิวเตอร์น้อยกว่า 10 เครื่อง ระบบ Peer to Peer นี้ คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง สามารถเข้าไปใช้ไฟล์ที่เก็บบนเครื่องไหนก็ได้ ซอรฟ์แวร์ที่ใช้คือ Windows for Workgroups, Windows 95,98,2000 การติดตั้งเพียงแต่เพิ่มอุปกรณ์ที่เรียกว่า Lan Card ในแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีต่อสายแลน เข้าไปสู่ อุปกรณ์ที่เป็นตัวกลาง ซึ่งเรียกว่า HUB ข้อดีของการต่อแบบ Peer to Peer ท ประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับการต่อ Network แบบอื่น ๆ ท สามารถแชร์ข้อมูล เครื่องพิมพ์ ของแต่ละเครื่องได้ ท ง่ายในการติดตั้ง และสามารถขยายต่อไปในอนาคตได้ดี
2. Client / Server ระบบเครือข่ายแบบ Client / Server มีคอมพิวเตอร์หลักเรียกว่า File Server (ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมในการเก็บข้อมูล ทำให้สะดวกในการบริหารข้อมูล) File Server นี้จะต้องเปิดทิ้งไว้ ห้ามปิดในระหว่างการใช้งาน ส่วนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทั่ว ๆ ไปเราเรียกว่า Work Station สำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นในการติดต่อระบบเครือข่าย คือ สายเคเบิล และการ์ดเครือข่าย (LAN Card) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการไหล ของข้อมูล นอกจากนี้ยังต้องมี HUB ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการกระจายสัญญาณไปตาม Work Station ต่าง ๆ ซอร์ฟแวร์ที่เป็นที่นิยมในระบบเครือข่ายคือ Netware, Windows NT, Unix เป็นต้น ข้อดีของการต่อแบบ Client / Server ท สามารถแชร์ข้อมูล เครื่องพิมพ์ ของแต่ละเครื่องได้ ท มีระบบ Security ที่ดีมาก ท รับส่งข่าวสารในลักษณะของ Email ได้ดี ท สามารถจัดสรร แบ่งปันการใช้ทรัพยากรได้จากจุดศูนย์กลาง
ประโยชน์ของระบบเครือข่าย
- สามารถแชร์ข้อมูลใช้ร่วมกันได้ ข้อมูลต่าง ๆ ในแต่ละเครื่องภายในระบบ หากมีผู้อื่นต้องการใช้ คุณสามารถแชร์ให้ผู้อื่นนำไปใช้ได้ หรือข้อมูลที่เป็นส่วนรวมก็สามารถแชร์ไว้เพื่อให้หลาย ๆ ฝ่ายนำไปใช้งานได้ซึ่งก็จะช่วยทำให้ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บและช่วยให้การปรับปรุงข้อมูล ในระบบง่ายขึ้นและไม่เกิดความขัดแย้งของข้อมูลด้วย เพราะข้อมูลมีอยู่ชุดเดียว (ตัวอย่าง)
- สามารถแชร์อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกันได้ เช่น เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ ซิปไดร์ฟ เป็นต้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เหล่านั้นมาติกตั้งกับทุก ๆ เครื่อง เช่น ในบ้านคุณมีเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด 4 เครื่อง อาจจะซื้อเครื่องพิมพ์มาเพียงตัวเดียวและแชร์เครื่องพิมพ์นั้นเพื่อใช้ร่วมกันก็ได้ (ตัวอย่าง)
- สามารถใช้โปรแกรมร่วมกันหลาย ๆ เครื่องได้ เช่น ในห้อง LAB คอมพิวเตอร์ที่มีจำนวนเครื่องในระบบจำนวน 30 เครื่อง คุณก็สามารถซื้อโปรแกรมเพียงแค่ 1 ชุดและสามารถใช้งานร่วมได้ ซึ่งจะทำให้สะดวกในการดูแลรักษาด้วย
- การสื่อสาร ในระบบเครือข่ายผู้ใช้สามารถสื่อสารกับเครื่องอื่น ๆ ในระบบได้ เช่น อาจจะส่งข้อความจากเครื่ององคุณไปยังเครื่องของคนอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ E-mail ส่งข้อความ ข่าวสารต่าง ๆ ภายในสำนักงานได้อีก เช่น แจ้งกำหนดการต่าง ๆ แจ้งข้อมูลต่าง ๆ ให้ทุก ๆ คนทราบ โดยไม่ต้องพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์เพื่อแจกจ่าย ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง
- การแชร์อินเตอร์เน็ต ภายในระบบเครือข่ายคุณสามารถแชร์อินเตอร์เน็ตเพื่อใช้ร่วมกันได้ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องซื้อ Internet Account สำหรับทุก ๆ เครื่องและไม่จำเป็นต้องติดตั้งโมเด็มทุกเครื่อง ซึ่งก็จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่าย
- เพื่อการเรียนรู้ การที่คุณได้ทดสอบใช้งานระบบเครือขายจะทำให้คุณสามารถเรียนรู้และคุ้นเคย กับระบบเครือจ่ายมากขึ้น ทำให้คุณมีประสบการณ์ในระบบเครือข่ายมากขึ้นและจะทำให้คุณรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น